การใช้ระบบ CRM ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีและโลกดิจิทัลมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจ ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญไม่ต่างจากเงินทอง เพราะข้อมูลนับเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกองค์กรต่างต้องการจัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลขององค์กรให้มากที่สุด โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า เนื่องจากองค์กรหรือแบรนด์สามารถนำข้อมูลลูกค้าเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ในการวางแผนธุรกิจ ปรับปรุงสินค้าบริการ และกระตุ้นยอดขายให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
เพราะเหตุนี้ทุกองค์กรที่เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน จึงมักมีการปรับใช้ระบบ CRM ภายในองค์กรกันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากระบบ CRM จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าจำนวนมากที่เข้ามาซื้อสินค้าบริการไว้ทั้งหมดได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าบริการ หรือแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางไหน ระบบ CRM ก็จะจัดเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์ออนไลน์ทั้งหมด เพื่อที่องค์กรสามารถนำข้อมูลอันมีค่าเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคตต่อไป
ทำความเข้าใจในการใช้ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจ
การใช้ข้อมูลเพื่อช่วยในการตัดสินใจจะช่วยให้องค์กรสามารถเข้าใจ และก้าวทันพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที มีการอัปเดตเทรนด์ ความชอบ และความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่อองค์กรอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากองค์กรใดที่ตระหนักในเรื่องนี้ และตัดสินใจบนฐานข้อมูลลูกค้าที่ผ่านการวิเคราะห์อย่างละเอียดดีแล้ว จะช่วยให้แผนธุรกิจขององค์กรไม่ล้าหลัง และสามารถพัฒนาแผนธุรกิจให้ก้าวทันตลาดและความต้องการของลูกค้าได้อยู่เสมอ
การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจสามารถกระตุ้นยอดขายและเพิ่มความพึงพอใจให้ลูกค้าได้อย่างไร?
บริษัทหรือแบรนด์ชั้นนำกว่า 60% ที่ประสบผลสำเร็จ ต่างตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูล และรู้จักนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับใช้ในแผนการดำเนินธุรกิจทั้งสิ้น เนื่องจากข้อมูลและสถิติไม่เคยโกหก หากองค์กรไหนสามารถนำระบบนี้มาปรับใช้กับโมเดลธุรกิจขององค์กรได้ องค์กรเหล่านั้นก็พร้อมจะประสบความสำเร็จและก้าวเป็นผู้นำตลาดได้อย่างยั่งยืน และนี่ก็คือวิธีการนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ลงทุนกับ Salesforce Automation ซอฟต์แวร์
การที่พนักงานในองค์กรต้องติดตามยอดขายด้วยตนเอง ไม่เพียงแต่จะทำใช้เวลาเยอะ แต่ยังมีโอกาสผิดพลาด ดังนั้นทุกองค์กรควรเปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์ที่มีความแม่นยำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระพนักงานขาย โดยการใช้ซอฟต์แวร์ SFA ที่มีความรวดเร็วในการจัดเก็บข้อมูล ติดตามลูกค้า และประมวลผลได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การทำงานของฝ่ายพนักงานขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
- ทำความรู้จักกลุ่มลูกค้า
พนักงานขายต้องรู้จักและเข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดี ว่าลูกค้ารู้สึกต่อสินค้าและบริการของคุณอย่างไร เพื่อที่พนักงานขายสามารถนำทุกคำติชมจากลูกค้ามาปรับปรุงสินค้าและบริการ รวมถึงปรับปรุงวิธีการขายได้ตรงกับความพึงพอใจของลูกค้ามากที่สุด ยิ่งพนักงานขายรู้จักลูกค้าที่ได้อย่างลึกซึ้งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะปิดการขายก็จะยิ่งมีสูงมากเท่านั้น ซึ่งการที่พนักงานขายจะเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งนั้นจะต้องใช้ประโยชน์จากระบบ CRM ที่จัดเก็บข้อมูลลูกค้า และนำมาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานขายสามารถเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างถ่องแท้แม่นยำมากที่สุด
- Machine Learning
การนำซอฟต์แวร์ที่มีระบบการเรียนรู้ และสามารถพัฒนาการประมวลผลได้ด้วยตัวเอง มาปรับใช้ในการวางแผนธุรกิจ จะช่วยให้องค์กรสามารถคาดเดาพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าได้ เนื่องจากระบบการเรียนรู้และประเมินผลของซอฟต์แวร์ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเก่า ๆ ได้อย่างละเอียดและรวดเร็ว พร้อมทั้งยังสามารถชี้ให้เห็นถึงแนวทางในการปฏิบัติต่อไปที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรสามารถกระตุ้นยอดขายและสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
- รู้จักประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ให้เกิดประโยชน์
การที่องค์กรจะเปลี่ยนมาใช้ข้อมูลในการตัดสินใจดำเนินธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วนั้น องค์กรจะต้องใช้ซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลสูง เพื่อที่ฝ่ายการตลาดหรือฝ่ายการขายสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และปรับปรุงแผนงานได้ทันที ที่สำคัญ ซอฟต์แวร์จะต้องจัดเก็บข้อมูลไว้อย่างเป็นระเบียบ และมีการใช้งานที่ง่าย เพื่อที่ทุกฝ่ายสามารถเข้าใจข้อมูลได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลามาย่อยข้อมูลอีก
- ฐานข้อมูลคือขุมทรัพย์
หากองค์กรต้องการให้แบรนด์มีความพัฒนาก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ผู้บริหารองค์กรจะต้องปลูกฝังและสร้างความตระหนักรู้ให้ทุกคนในองค์กรมองเห็นถึงความสำคัญของข้อมูล เพราะข้อมูลคือปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจในอนาคต สอนให้พนักงานรู้จักทำงานเป็นทีม ปรับตัวและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์จากข้อมูลที่องค์กรได้จัดเก็บไว้ เพื่อที่ทุกฝ่ายในองค์กรสามารถช่วยกันวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์เป็นอย่างดี หากองค์กรไหนสามารถปฏิบัติได้เช่นนี้ เชื่อเถอะว่า องค์กรเหล่านั้นจะไม่เป็นเพียงแต่เป็นผู้อยู่รอดในทุกสถานการณ์ แต่จะพร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่มธุรกิจได้อย่างแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่องค์กรจะต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย แต่ในแง่มุมของการทำธุรกิจ หากองค์กรไหนที่ไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง สักวันหนึ่งก็จะต้องตามหลังองค์กรชั้นนำที่พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ดั่งเช่นคำกล่าวที่ว่า คลื่นลูกเก่าหายไป คลื่นลูกใหม่ย่อมมีมาแทน ดังนั้นหากต้องการให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าเป็นผู้นำอยู่เสมอ ก็จงรู้จักนำข้อมูลอันมีค่ามาปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่องกันด้วยละ